ปฏิทินเบียร์ลีโอ

ในปี พ.ศ. 2552 ช่วงที่จิตภัสร์เป็นผู้ช่วยโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี เธอได้นำปฏิทินเบียร์ลีโอที่มีภาพนางแบบวาบหวิว มาแจกจ่ายให้แก่ข้าราชการในทำเนียบรัฐบาล จนถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง[2] เธอแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกและขอน้อมรับคำวิจารณ์ทั้งหมด[3]

กปปส.

ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเมืองปี พ.ศ. 2556-2557 จิตภัสร์ได้เข้าร่วมการชุมนุมกลุ่ม กปปส. โดยรับผิดชอบด้านการรายงานข่าวภาคภาษาอังกฤษและดูแลโรงเรียนต้นไม้[4]

ในระหว่างการชุมนุม จิตภัสร์ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพีว่า "คนไทยจำนวนมาก ขาดความเข้าใจในประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยเฉพาะคนในชนบท"[5] ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ผู้เป็นบิดาได้ร่อนจดหมายขอโทษต่อสื่อมวลชน ขณะที่จิตภัสร์ชี้แจงว่า "ไม่เคยดูถูกคนชนบท แม้แต่นิดเดียว... ดังที่บางกลุ่มพยายามบิดเบือนใส่ร้าย เพื่อตอกลิ่มสร้างความแตกแยกในสังคม"[6] จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ครอบครัวได้รับผลกระทบและถูกคนร้ายลอบปาระเบิดเพลิงใส่บ้าน[7] และสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บจก.บุญรอดบริวเวอรี ได้มีหนังสือไปยังจุตินันท์ บิดาของจิตภัสร์ในเชิงตำหนิ[8] ด้วยเหตุดังกล่าว จิตภัสร์จึงตัดสินใจเปลี่ยนนามสกุลจาก "ภิรมย์ภักดี" เป็น "กฤดากร"[9]

กรณีการรับสมัครเข้ารับราชการตำรวจ

ในปี พ.ศ. 2558 จิตภัสร์ มีชื่อเข้ารับการสัมภาษณ์ในตำแหน่งรองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) ด้วยเหตุผลมีความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ[10] ทำให้ตำรวจส่วนหนึ่งไม่พอใจ เนื่องจากเธอเคยกระทบกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงการชุมนุม กปปส.[11] จึงมีการแสดงออกด้วยการติดริบบิ้นสีดำบนเสาวิทยุสื่อสารและรถจักรยานยนต์ เพื่อคัดค้าน[12] ในที่สุดจิตภัสร์ แถลงข่าวประกาศถอนตัวสมัครเป็นตำรวจในวันที่ 24 กันยายน 2558 ณ โรงแรมดุสิตธานี[13] [14]